Saturday, June 11, 2011

มาดูดวงชะตาของคนที่จิตฟุ้งซ่าน



 มาดูดวงชะตาของคนที่จิตฟุ้งซ่าน

มาดูดวงชะตาของคนที่จิตฟุ้งซ่าน หรือ จิตไม่ปรกติ

ซึ่งในที่นี้ หมายถึง คนที่คิดอะไรเรื่อยเปื่อย คิดมาก คิดฟุ้งซ่าน อารมรณ์แปรปรวน


ถ้ายังไม่ได้รับการเยียวยา อาจจะบังคับตัวเองไม่ได้ อาจถึงขั้นพูดคุยกับตัวเอง
และหากรุนแรงมากๆ อาจถึงกับไปเต้นรำกลางถนน ก็ได้
และคนตามดวงนี้จะเป็นโรคเกี่ยวกับ สมองและหัวใจ คือ เป็นไมเกรน ปวดหัวเรื้อรัง
และอาจมีปัญหากับญาติพี่น้อง หรือปัญหาเรื่องบ้านที่อยู่ด้วย
หากใครที่มีวัน เดือน ปีเกิดตรงกับคำทำนายแล้วตรงกับนิสัยตัวเอง


วิธีแก้ไข คือให้ทำบุญเกี่ยวกับถาวรวัตถุให้มากๆ เช่น บริจาคเงินสร้างวัด สร้างโรงเรียน
หรืออาคารสถานสงเคราะห์ เพราะการทำบุญสร้างอาคารแบบนี้
ตัวอาคารจะยึดติดกับพื้นและมั่นคง
จะช่วยให้จิตใจเรามั่นคงขึ้น

อีกวิธีหนึ่งคือการฝึกสมาธิ เพ่งจิตไปที่กรรมฐานใดก็ได้

ที่สำคัญหากมีปัญหาชีวิต อย่าเก็บในใจคนเดียว ต้องหาทางระบายออกมา
หรือมาเล่าให้คนใกล้ตัวฟัง ไม่งั้นจะสะสมทำให้ฟุ้งซ่านมากขึ้น

ดวงจะแบ่ง เป็น 3 กลุ่ม
----------------------------------------

กลุ่มที่ 1 วัน และ เดือน
คนที่เกิด
อาทิตย์ เดือน พฤษภา
จันทร์ เดือน มิถุนา
อังคาร เดือน กรกฎา
พุธ เดือน สิงหา
พุธ เดือน มกรา
พฤหัส เดือน กันยา
พฤหัส เดือน กุมภา
ศุกร์ เดือน ตุลา
ศุกร์ เดือน มีนา
เสาร์ เดือน พฤศจิกา
เสาร์ เดือน เมษา

กลุ่มที่ 1 นี่จะรุนแรงกว่าเพื่อนเลยครับ ใครตกกลุ่มนี้แล้วเป็นไปตามคำทำนายนี้
ก็ขอให้ลองทำตามที่ผมแนะนำนะครั

กลุ่มที่ 2 เดือน และ ปี
พฤษภา ปี ฉลู
พฤษภา ปี วอก
มิถุนา ปี ขาล
มิถุนา ปี ระกา
กรกฎา ปี เถาะ
กรกฎา ปี จอ
ธันวา ปี เถาะ
ธันวา ปี จอ
สิงหา ปี มะโรง
สิงหา ปี กุน
มกรา ปี มะโรง
มกรา ปี กุน
กันยา ปี มะเส็ง
กุมภา ปี มะเส็ง
ตุลา ปี มะเมีย
มีนา ปี มะเมีย
พฤศจิกา มะแม
พฤศจิกา ปี ชวด
เมษา ปี มะแม
เมษา ปี ชวด


คนกลุ่มที่ 2 จะไม่รุนแรงเหมือนกลุ่มที่ 1 แต่ อาจต้องห่างไกลบ้านเกิดมืองนอน
ไปอยู่แดนไหล เช่น เกิดภาคเหนือแต่ไปทำงานภาคใต้ หรือได้ไปอยู่ต่างประเทศเลย
ทำให้ว้าเหว่ เหงาๆ

กลุ่มที่ 3
พฤษภา ปี มะโรง
พฤษภา ปี กุน
มิถุนา ปี มะเส็ง
กรกฎา ปี มะเมีย
ธันวา ปี มะเมีย
สิงหา ปี มะแม
สิงหา ปี ชวด
มกรา ปี มะแม
มกรา ปี ชวด
กันยา ปี วอก
กันยา ปี ฉลู
กุมภา ปี วอก
กุมภา ปี ฉลู
ตุลา ปี ระกา
ตุลา ปี ขาล
มีนา ปี ระกา
มีนา ปี ขาล
พฤศจิกา ปี จอ
พฤศจิกา ปี เถาะ
เมษา ปี มะแม
เมษา ปี จอ
เมษา ปี เถาะ

กลุ่มที่ 3 นี้ จะหงุดหงิดง่าย และบ่อยมาก และมีเป็นไมเกรน หรือ ปวดหัวเรื้อรัง

ถ้าใครเกิด วัน เดือน ปี ดังกล่าวแล้วไม่ตรงก็ถือว่ารอดไปครับ



หมายเหตุ วัน เวลา เกิดนี้ นับตามจันทรคติ หรือ เวลาไทยเดิม หรือ เวลาโหร 
คือนับวันใหม่ คือ 6.00 เช้า ไม่ใช่ เที่ยงคืน


ขอขอบคุณข้อมูลจาก http://www.yantip.com/index.php/component/content/article/48-qq-/218-2010-12-17-17-19-36

Sunday, May 8, 2011

"เด็กหานาฬิกา" บทความดีๆน่าอ่านนะ

ชาวนากับนาฬิกา 

เอาข้อคิดดีๆ ที่เคยอ่านมาฝากครับ 
ชาวนาคนหนึ่ง หลังจากไปทำความสะอาดคอกม้า ออกมาก้อพบว่านาฬิกาพกของตน ได้หล่นหายไปเสียแล้ว 
นาฬิกาพกเรือนนี้มีความหมายต่อเขาอย่างมาก ด้วยเป็นของขวัญที่แม่ของเขาทิ้งไว้ให้ เขารีบวิ่งกลับไปที่คอกม้า รื้อหาจนทั่วบริเวณแทบพลิกแผ่นดินหา แต่ก้อหาไม่พบ
เขาเดินออกมาจากคอกม้าด้วยเหงื่อที่ท่วมตัว มองไปเห็นมีเด็กกลุ่มหนึ่งกำลังเล่นกันอยู่แถวนั้น 
http://www.bloggang.com/data/n/nongmalakor/picture/1245739672.jpg

เขาจึงได้คิดว่าอาจเป็นเพราะตัวเองแก่แล้วหูตาฝ้าฟาง ทำให้หาไม่เจอ แต่เด็กๆหูตายังแหลมคม น่าจะหาเจอก็เป็นได้ เขาจึงเรียกเด็กๆมาแล้วบอกว่า

"
เด็กๆ ถ้าใครหานาฬิกาพกของลุงเจอ ลุงจะให้เงินคนนั้นหนึ่งเหรียญ"
เด็กๆ พากันวิ่งกรูเข้าไปในคอกม้า จนเวลาผ่านไปนานโข ...
ตอนที่เด็กๆเดินกลับออกมาจากคอกม้าทีละคน ต่างมีสีหน้าผิดหวังที่หานาฬิกาพกไม่เจอ ขณะที่ชาวหน้ากำลังถอดใจคิดจะเลิกหานั่นเอง...
ก็มีเด็กคนหนึ่งมากระซิบกระซาบบอกกับเขาว่า
ผมจะลองเข้าไปหาดูอีกครั้งหนึ่ง แต่คราวนี้ขอให้ผมเข้าไปคนเดียวเท่านั้น
ชาวนามองตามหลังเด็กชายไปอย่างไม่มั่นใจ คิดในใจว่า..พวกเราแทบจะพลิกคอกม้าหายังไม่เจอ แล้วลำพังเด็กคนเดียว จะหาเจอได้อย่างไร?
http://www.bloggang.com/data/n/nongmalakor/picture/1245740257.jpg

เด็กคนนั้นเข้าไปตั้งนาน ก็ยังไม่กลับออกมา ชาวนาเริ่มสิ้นหวัง
ในขณะชาวนาคิดจะเลิกรอและจากไปนั่นเอง 

เด็กชายคนนั้นก็เดินออกมาจากคอกม้า
ในมือของเขาถือนาฬิกาพกเรือนหนึ่ง

ชาวนาถามด้วยความแปลกใจว่า
"
เจ้าหาเจอได้อย่างไร"

เด็กชายบอกว่า "พอเข้าไปข้างใน ผมก็ไม่ได้ทำอะไรเลย เพียงแต่นั่งเงียบๆอยู่ที่พื้น ไม่นานผมก็ได้ยินเสียง ติ๊กตอก ติ๊กตอก จากนั้นผมก็เดินตามเสียงไป แล้วผมก็เจอนาฬิกาเรือนนี้"


ข้อคิดเตือนใจ  

ขณะที่เรากำลังยุ่งวุ่นวายอยู่กับชีวิตหรือหน้าที่การงาน บางครั้งก็จำเป็นอย่างมากที่จะต้องสงบจิตใจมาคิดตรึกตรองดูว่า สิ่งที่เรากำลังทำอยู่นั้น ถูกต้องและเหมาะสมดีแล้วหรือเปล่า และนี่ก็อาจเป็นความหมายที่แท้จริงของคำโบราณที่ว่า
บนเส้นทางของชีวิต บางครั้งควรตึงเครียด บางครั้งก็ควรผ่อนคลาย

แต่ผมได้ข้อคิดว่า บางครั้งขณะที่เรามีปัญหา ถ้าเรานิ่ง ค่อยๆตั้งสติ เราจะพบปัญหาที่แท้จริง และสามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างถูกทาง 
แล้วเพื่อนละครับ ได้ข้อคิดอะไรบ้าง?

ขอขอบคุณ... เจ้าของบทความ และ รูปภาพประกอบจาก  baby.kapook.com/story/story2.php

Monday, May 2, 2011

กุหลาบแดงช่อนั้น... เพื่อแม่





ชายคนหนึ่งหยุดรถที่ร้านขายกระเช้าดอกไม้  เตรียมจะสั่งกระเช้าดอกไม้ทางโทรศัพท์  เพื่อให้ร้านโทรศัพท์ติดต่อกับร้านดอกไม้อีกเมืองหนึ่ง ให้จัดส่งดอกไม้ไปอวยพรวันเกิดแม่ของเขา ที่อยู่ห่างออกไปประมาณสี่ร้อยกิโลเมตร  

เมื่อเขาลงจากรถยนต์  เขาเห็นเด็กผู้หญิงคนหนึ่งอายุราว ๕ ปี  นั่งร้องไห้อยู่ที่หน้าร้าน  จึงเข้าไปถาม  "ร้องไห้ทำไมจ๊ะหนู  มีอะไรให้ช่วยไหม"

เด็กหญิงตอบทั้งน้ำตาว่า  "หนูอยากจะซื้อดอกกุหลาบสีแดงไปให้แม่  ดอกกุหลาบราคาดอกละห้าบาท  แต่หนูมีเงินบาทเดียวเท่านั้นเอง"

ชายคนนั้นยิ้มแล้วบอกว่า "ไม่เป็นไร  ลุงจะซื้อให้หนูเอง"  แล้วเขาก็จ่ายเงินห้าสิบบาท  ซื้อดอกกุหลาบสีแดงสิบดอกให้แก่หนูน้อย  แล้วถามว่า  "แม่ของหนูอยู่ที่ไหน  หนูจะพาลุงไปหาแม่ของหนูด้วยได้ไหมล่ะ" 

หนูน้อยตอบตกลง  และบอกว่า  แม่ของเธออยู่ใกล้ร้านขายดอกไม้นี่นิดเดียวเอง  เดินไปเดี๋ยวก็ถึง

เด็กหญิงพาชายใจดีผู้มีน้ำใจไมตรีออกจากร้าน  เดินผ่านเข้าไปในวัดที่อยู่ใกล้ร้านเข้าไปถึงศาลาตั้งศพ  ซึ่งเพิ่งจะเสียชีวิตมาไม่กี่วั  หนูน้อยหยิบดอกกุหลาบสีแดงเข้าไปกราบหน้าศพซึ่งมีรูปหญิงกลางคนตั้งอยู่แล้วร้องไห้ใหญ่อีกครั้ง

ต่อจากนั้น  ชายใจดีเดินกลับมายังร้านดอกไม้แห่งเดิมด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก  เขาบอกยกเลิกการสั่งดอกไม้ทางโทรศัพท์ที่เตรียมส่งให้แม่  แต่ซื้อดอกไม้ช่อใหญ่แล้วขับรถใช้เวลาห้าชั่วโมงตรงไปหาแม่ของเขาซึ่งอยู่ห่างออกไปสี่ร้อยกิโล ในคืนวันนั้นเอง


ขอบคุณที่มา  ::  หนังสือ "๑๐๘ วิธี มอบน้ำใจให้แก่กัน" รวบรวมเรียบเรียงโดย ดร.อาทร จันทวิมล 
ขอบคุณที่มา  ::  ชีวิตงาม เล่ม ๑๐